เมนูนำทาง
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พยากรณ์โรคความรุนแรงของโควิด-19 มีหลายระดับ โรคอาจดำเนินแบบเบาโดยไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยคล้ายกับโรคทางเดินหายใจส่วนบนที่พบทั่วไปอย่างอื่น เช่น โรคหวัด ผู้ป่วยเบาตรงแบบหายดีภายในสองสัปดาห์ ส่วนผู้ป่วยรุนแรงหรือวิกฤตอาจใช้เวลาหายสามถึงหกสัปดาห์ ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น เวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการถึงเสียชีวิตอยู่ระหว่างสองถึงแปดสัปดาห์[38]
เด็กไวต่อโรค แต่มีแนวโน้มมีอาการรุนแรงน้อยกว่า และมีโอกาสเป็นโรครุนแรงน้อยกว่าผู้ใหญ่ ในผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 50 ปีมีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่า 0.5% ส่วนผู้อายุมากกว่า 70 ปีมีโอกาสมากกว่า 8%[189][190][191] หญิงมีครรภ์อาจมีความเสี่ยงติดโควิด-19 รุนแรงสูงกว่าโดยอาศัยข้อมูลจากไวรัสคล้ายกัน อย่างโรคซาร์สและเมอส์ แต่ยังขาดข้อมูลสำหรับโควิด-19[192][193]
บางการศึกษาพบว่า อัตราส่วนนิวโทรฟิลต่อเม็ดเลือดขาว (NLR) อาจมีประโยชน์ในการตรวจคัดกรองการป่วยรุนแรงเบื้องต้น[194]
ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิตจำนวนนมากมีโรคพื้นเดิม เช่น ความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวานและโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด[195] Istituto Superiore di Sanità รายงานว่าจาก 8.8% ของผู้เสียชีวิตที่มีเวชระเบียนให้ทบทวน ผู้ป่วยที่ได้รับสุ่มตัวอย่าง 97.2% มีโรคร่วมอย่างน้อยหนึ่งโรค โดยผู้ป่วยมีโรคร่วมเฉลี่ยคนละ 2.7 โรค[196] ตามรายงานเดียวกัน ระยะเวลามัธยฐานระหว่างเริ่มต้นมีอาการและเสียชีวิตคือ 10 วัน โดยห้าวันเป็นวันที่รับรักษาในโรงพยาบาล อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยที่ได้รับการย้ายเข้า ICU มีเวลามัธยฐาน 7 วันตั้งแต่รับรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิต ในการศึกษาผู้ป่วยช่วงต้น เวลามัธยฐานตั้งแต่แสดงอาการเริ่มแรกถึงเสียชีวิตคือ 14 วัน โดยมีพิสัยระหว่าง 6 ถึง 41 วัน[197] ในการศึกษาโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ของจีน ชายมีอัตราตาย 2.8% ส่วนหญิงมีอัตราตาย 1.7%[198] การตรวจทางจุลพยาธิวิทยาของตัวอย่างปอดหลังเสียชีวิตแสดงให้เห็นความเสียหายของถุลมแบบแผ่กระจาย (diffuse alveolar damage) โดยมีสิ่งซึมเยิ้มขึ้นไฟโบรมิกซอยด์ของเซลล์ (cellular fibromyxoid exudates) ในปอดสองข้าง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดพยาธิสภาพต่อเซลล์ (cytopathic) ของไวรัสสังเกตได้ในเซลล์ปอด ภาพปอดจะดูคล้ายกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS)[38] ในผู้เสียชีวิต 11.8% ที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนรายงาน พบความเสียหายต่อหัวใจโดยมีระดับโทรโปนินสูงขึ้นหรือหัวใจหยุด[39] จากข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคม 2563 จากสหรัฐ 89% ของผู้ได้รับรักษาในโรงพยาบาลมีโรคพื้นเดิม[199]
ความพร้อมของทรัพยากรการแพทย์และเศรฐกิจสังคมของภูมิภาคหนึ่งอาจมีผลต่ออัตราตาย[200] การประมาณอัตราตายจากโรคแตกต่างกันได้อันเนื่องจากความแตกต่างของภูมิภาค[201] แต่ยังมีสาเหตุมาจากความลำบากใน ระเบียบวิธีของข้อมูลด้วย การนับผู้ป่วยอาการเบาน้อยกว่าจริงอาจทำให้ประมาณอัตราตายสูงเกิน[202] อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงที่ว่าการเสียชีวิตเป็นผลของผู้ป่วยที่ติดโรคในอดีตอาจหมายความว่าอัตราตายประมาณได้ต่ำเกิน[203][204] ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสเกิดอาการรุนแรงของโควิด-19 คิดเป็น 1.4 เท่าและมีโอกาสต้องการการอภิบาลหรือเสียชีวิตคิดเป็น 2.4 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ไม่สูบบุหรี่[205]
มีการยกข้อกังวลเกี่ยวกับผลตามระยะยาวของโรค องค์การโรงพยาบาลฮ่องกงพบว่าสมรรถภาพปอดลดลง 20% ถึง 30% ในผู้ป่วยบางรายที่หายจากโรค และการสแกนปอดพบความเสียหายต่ออวัยวะ[206] เหตุนี้ยังอาจนำไปสู่กลุ่มอาการหลังการอภิบาลหลังหายแล้ว[207]
อายุ | 0-9 | 10-19 | 20-29 | 30-39 | 40-49 | 50-59 | 60-69 | 70-79 | 80-89 | 90+ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประเทศจีน ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์[184] | 0.0 | 0.2 | 0.2 | 0.2 | 0.4 | 1.3 | 3.6 | 8.0 | 14.8 | |
เดนมาร์กเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม[208] | 0.2 | 4.1 | 16.6 | 27.6 | 48.1 | |||||
อิตาลีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม[209] | 0.2 | 0.0 | 0.1 | 0.3 | 0.9 | 2.7 | 10.6 | 25.8 | 32.0 | 29.2 |
เนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม[210] | 0.0 | 0.2 | 0.1 | 0.3 | 0.5 | 1.7 | 8.1 | 25.5 | 32.7 | 33.9 |
เกาหลีใต้ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม[211] | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.2 | 0.2 | 0.8 | 2.8 | 10.9 | 26.3 | |
สเปนเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม[212] | 0.2 | 0.3 | 0.2 | 0.3 | 0.6 | 1.4 | 4.9 | 14.3 | 21.0 | 22.3 |
สวิตเซอร์แลนด์ ณ วันที่ 20 พฤษภาคม[213] | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.1 | 0.1 | 0.6 | 3.3 | 11.5 | 27.9 |
อายุ | 0-19 | 20-44 | 45-54 | 55-64 | 65-74 | 75-84 | 85 + |
---|---|---|---|---|---|---|---|
สหรัฐ ณ วันที่ 16 มีนาคม | 0.0 | 0.1-0.2 | 0.5-0.8 | 1.4-2.6 | 2.7-4.9 | 4.3-10.5 | 10.4-27.3 |
หมายเหตุ: ขอบเขตล่างรวมผู้ป่วยทุกราย ขอบเขตบนไม่นับรวมผู้ป่วยที่ขาดข้อมูล |
ร้อยละของผู้ติดเชื้อที่รับรักษาในโรงพยาบาล | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
0–19 | 20–29 | 30–39 | 40–49 | 50–59 | 60–69 | 70–79 | 80+ | รวม | |
หญิง | 0.2 (0.1–0.3) | 0.6 (0.3–0.9) | 1.1 (0.7–1.8) | 1.6 (0.9–2.4) | 3.2 (1.9–4.9) | 6.2 (3.7–9.6) | 9.6 (5.7–14.8) | 23.6 (14.0–36.4) | 3.2 (1.9–5.0) |
ชาย | 0.2 (0.1–0.3) | 0.7 (0.4–1.1) | 1.4 (0.9–2.2) | 1.9 (1.1–3.0) | 3.9 (2.3–6.1) | 8.1 (4.8–12.6) | 13.4 (8.0–20.7) | 45.9 (27.3–70.9) | 4.0 (2.4–6.2) |
รวม | 0.2 (0.1–0.3) | 0.6 (0.4–1.0) | 1.3 (0.8–2.0) | 1.7 (1.0–2.7) | 3.5 (2.1–5.4) | 7.1 (4.2–11.0) | 11.3 (6.7–17.5) | 32.0 (19.0–49.4) | 3.6 (2.1–5.6) |
ร้อยละของผู้ป่วยรับรักษาในโรงพยาบาลที่เข้าหน่วยอภิบาล | |||||||||
0–19 | 20–29 | 30–39 | 40–49 | 50–59 | 60–69 | 70–79 | 80+ | รวม | |
หญิง | 16.7 (14.4–19.2) | 8.6 (7.5–9.9) | 11.9 (10.9–13.0) | 16.6 (15.6–17.7) | 20.7 (19.8–21.7) | 23.1 (22.2–24.0) | 18.7 (18.0–19.5) | 4.2 (4.0–4.5) | 14.3 (13.9–14.7) |
ชาย | 26.9 (23.2–31.0) | 14.0 (12.2–15.9) | 19.2 (17.6–20.9) | 26.9 (25.3–28.5) | 33.4 (32.0–34.8) | 37.3 (36.0–38.6) | 30.2 (29.2–31.3) | 6.8 (6.5–7.2) | 23.1 (22.6–23.6) |
รวม | 22.2 (19.2–25.5) | 11.5 (10.1–13.2) | 15.9 (14.6–17.3) | 22.2 (21.0–23.5) | 27.6 (26.5–28.7) | 30.8 (29.8–31.8) | 24.9 (24.1–25.8) | 5.6 (5.3–5.9) | 19.0 (18.7–19.44) |
ร้อยละของผู้ที่รับรักษาในโรงพยาบาลแล้วเสียชีวิต | |||||||||
0–19 | 20–29 | 30–39 | 40–49 | 50–59 | 60–69 | 70–79 | 80+ | รวม | |
หญิง | 0.5 (0.2–1.1) | 0.9 (0.5–1.3) | 1.5 (1.2–1.9) | 2.6 (2.3–3.0) | 5.2 (4.8–5.6) | 10.1 (9.5–10.6) | 16.7 (16.0–17.4) | 25.2 (24.4–26.0) | 14.4 (14.0–14.9) |
ชาย | 0.7 (0.3–1.5) | 1.3 (0.8–1.9) | 2.2 (1.7–2.7) | 3.8 (3.4–4.4) | 7.6 (7.0–8.2) | 14.8 (14.1–15.6) | 24.6 (23.7–25.6) | 37.1 (36.1–38.2) | 21.22 (20.8–21.7) |
รวม | 0.6 (0.3–1.3) | 1.1 (0.7–1.6) | 1.9 (1.5–2.3) | 3.3 (2.9–3.7) | 6.5 (6.0–7.0) | 12.6 (12.0–13.2) | 21.0 (20.3–21.8) | 31.6 (30.9–32.4) | 18.1 (17.8–18.4) |
ร้อยละของผู้ติดเชื้อแล้วเสียชีวิต – อัตราติดเชื้อตาย (IFR) | |||||||||
0–19 | 20–29 | 30–39 | 40–49 | 50–59 | 60–69 | 70–79 | 80+ | รวม | |
หญิง | 0.001 (<0.001–0.002) | 0.005 (0.002–0.009) | 0.02 (0.01–0.03) | 0.04 (0.02–0.07) | 0.2 (0.1–0.3) | 0.6 (0.4–1.0) | 1.6 (1.0–2.5) | 5.9 (3.5–9.2) | 0.5 (0.3–0.7) |
ชาย | 0.001 (<0.001–0.003) | 0.008 (0.004–0.02) | 0.03 (0.02–0.05) | 0.07 (0.04–0.1) | 0.3 (0.2–0.5) | 1.2 (0.7–1.9) | 3.3 (2.0–5.1) | 17.1 (10.1–26.3) | 0.8 (0.5–1.3) |
รวม | 0.001 (<0.001–0.002) | 0.007 (0.003–0.01) | 0.02 (0.01–0.04) | 0.06 (0.03–0.09) | 0.2 (0.1–0.36) | 0.9 (0.5–1.4) | 2.4 (1.4–3.7) | 10.1 (6.0–15.6) | 0.7 (0.4–1.0) |
จำนวนในวงเล็บคือ ช่วงความเชื่อมั่น 95% สำหรับค่าประมาณ |
ณ เดือนเมษายน 2563 ยังไม่ทราบว่าการติดเชื้อในอดีตก่อให้เกิดภูมิตุ้มกันที่มีประสิทธิภาพและคงอยู่ระยะยาวในบุคคลที่หายจากโรคหรือไม่[215][216] มีรายงานว่าผู้เคยติดเชื้อบางคนเกิดสารภูมิต้านทานป้องกันโรค ฉะนั้นจึงสันนิษฐานว่าภูมิคุ้มกันแบบรับมามีความเป็นไปได้ โดยอาศัยข้อมูลจากพฤติกรรมของไวรัสโคโรนาชนิดอื่น[217] มีรายงานผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 ที่ติดตามแล้วการทดสอบไวรัสโคโรนาเป็นบวกในภายหลัง[218][219][220][221] อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเป็นการติดเชื้อนาน (lingering) มากกว่าการติดเชื้อซ้ำ[221] หรือเป็นผลบวกลวงเนื่องจากชิ้นส่วนอาร์เอ็นเอที่หลงเหลืออยู่[222] การสอบสวนบุคคล 285 คนโดย CDC เกาหลีซึ่งผลตรวจ SARS-CoV-2 ในการทดสอบ PCR เป็นบวกหลังหายโควิด-19 แล้วหลายวันถึงหลายสัปดาห์ไม่พบหลักฐานว่าปัจเจกเหล่านี้ติดต่อทางสัมผัสในช่วงเวลาหลังนี้[223] ไวรัสโคโรนาชนิดอื่นบางตัวที่ยังติดเชื้อในมนุษย์สามารถติดเชื้อซ้ำได้หลังเวลาผ่านไป 1 ปี[224][225]
เมนูนำทาง
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พยากรณ์โรคใกล้เคียง
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012แหล่งที่มา
WikiPedia: โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 http://www.bccdc.ca/resource-gallery/Documents/Gui... http://weekly.chinacdc.cn/en/article/id/e53946e2-c... http://en.nhc.gov.cn/2020-02/07/c_76337.htm http://rs.yiigle.com/yufabiao/1181998.htm http://www.columbia.edu/~jls106/galanti_shaman_ms_... http://med.stanford.edu/content/dam/sm/id/document... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/18478118 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/20197533 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/22563403 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30463995